29 มีนาคม 2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน ของทุกปี เป็นระยะเวลาที่มีการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาทั่วประเทศ และอาจมีความสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำทุจริตเกี่ยวกับการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา หรือที่เรียกว่า ‘แป๊ะเจี๊ยะ’
เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวว่า ‘แป๊ะเจี๊ยะ’ ถือว่าเป็นเงินสินบนรูปแบบหนึ่ง ที่ผลักภาระไปให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งนอกจากจะต้องส่งเสียให้บุตรหลานเรียนโรงเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าแล้ว ยังต้องเจอค่าแป๊ะเจี๊ยะที่มีมูลค่าสูงกว่าค่าเล่าเรียนหลายเท่าตัวเพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนที่มุ่งหวังได้ ซึ่งเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ผิด แทนที่จะให้ค่ากับการพยายามตั้งใจศึกษาเล่าเรียน แต่กลับยอมจ่ายเงินตอบแทนจำนวนมากเพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลายกรณีพบข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับแป๊ะเจี๊ยะ ใช้อำนาจบีบบังคับให้สถานศึกษารับนักเรียนที่จ่ายเงิน
“ได้มอบนโยบายให้สำนักงาน ป.ป.ช. ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ติดตามเฝ้าระวังปัญหานี้อย่างต่อเนื่องเพราะถือได้ว่าเป็นวงจรส่งเสริมการทุจริต โดยในปี 2562 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการผลักดันมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งได้รับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือ ปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือ การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ” เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าว
ทั้งนี้ ป.ป.ช. มีข้อเสนอแนะต่อ สพฐ. ในกรณีดังกล่าว คือ ให้พิจารณายกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ตอบแทน
นอกจากนี้ให้กำหนดวิธีการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนการรับนักเรียน โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการให้เด็กได้ศึกษาต่อยังสถานศึกษาใกล้บ้าน และทุกสถานศึกษาต้องดำเนินการแจ้งค่าใช้จ่ายและรายละเอียด การเก็บเงินบำรุงการศึกษาให้ผู้ปกครองนักเรียนได้รับทราบไว้โดยชัดเจน ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ
โดย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่เน้นย้ำว่าการรับนักเรียนปีการศึกษา 2566 ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ยุติธรรม ไม่มีการใช้เงินแลกที่นั่งเรียน ห้ามมีแป๊ะเจี๊ยะ และหากพบจะวางบทลงโทษสูงสุด สอดคล้องกับสำนักงาน ป.ป.ช. และเครือข่ายเฝ้าระวังการทุจริต ที่จะร่วมเป็นหูเป็นตา เพื่อมุ่งหวังว่าการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยจะไม่ต้องจบอยู่ที่เงินสินบน
เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวว่า ‘แป๊ะเจี๊ยะ’ ถือว่าเป็นเงินสินบนรูปแบบหนึ่ง ที่ผลักภาระไปให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งนอกจากจะต้องส่งเสียให้บุตรหลานเรียนโรงเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าแล้ว ยังต้องเจอค่าแป๊ะเจี๊ยะที่มีมูลค่าสูงกว่าค่าเล่าเรียนหลายเท่าตัวเพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนที่มุ่งหวังได้ ซึ่งเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ผิด แทนที่จะให้ค่ากับการพยายามตั้งใจศึกษาเล่าเรียน แต่กลับยอมจ่ายเงินตอบแทนจำนวนมากเพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลายกรณีพบข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับแป๊ะเจี๊ยะ ใช้อำนาจบีบบังคับให้สถานศึกษารับนักเรียนที่จ่ายเงิน
“ได้มอบนโยบายให้สำนักงาน ป.ป.ช. ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ติดตามเฝ้าระวังปัญหานี้อย่างต่อเนื่องเพราะถือได้ว่าเป็นวงจรส่งเสริมการทุจริต โดยในปี 2562 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการผลักดันมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งได้รับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือ ปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือ การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ” เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าว
ทั้งนี้ ป.ป.ช. มีข้อเสนอแนะต่อ สพฐ. ในกรณีดังกล่าว คือ ให้พิจารณายกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ตอบแทน
นอกจากนี้ให้กำหนดวิธีการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนการรับนักเรียน โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการให้เด็กได้ศึกษาต่อยังสถานศึกษาใกล้บ้าน และทุกสถานศึกษาต้องดำเนินการแจ้งค่าใช้จ่ายและรายละเอียด การเก็บเงินบำรุงการศึกษาให้ผู้ปกครองนักเรียนได้รับทราบไว้โดยชัดเจน ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ
โดย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่เน้นย้ำว่าการรับนักเรียนปีการศึกษา 2566 ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ยุติธรรม ไม่มีการใช้เงินแลกที่นั่งเรียน ห้ามมีแป๊ะเจี๊ยะ และหากพบจะวางบทลงโทษสูงสุด สอดคล้องกับสำนักงาน ป.ป.ช. และเครือข่ายเฝ้าระวังการทุจริต ที่จะร่วมเป็นหูเป็นตา เพื่อมุ่งหวังว่าการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยจะไม่ต้องจบอยู่ที่เงินสินบน