ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวในเวทีตอบข้อซักถามมุมมองของภาคธุรกิจต่อนโยบายขับเคลื่อนประเทศ ถึงความสามารถในการแข่งขันของไทยกับการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนว่า ภาพของเศรษฐกิจโดยรวบรวมข้อมูลมาจากสมาชิกของหอการค้าไทยทั่วประเทศ ภาพที่สำคัญในการดำเนินการทางเศรษฐกิจของทุกประเทศคือ เศรษฐกิจต้องโต เศรษฐกิจต้องมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจต้องมีความเสมอภาค การสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญทำให้ธนาคารกลางของทุกประเทศต้องสกัดกั้นเงินเฟ้อ เพื่อดูแลไม่ให้เศรษฐกิจมีความผันผวนในระยะยาว เงินเฟ้อไม่ควรสูงเกิน 5% หนี้สาธารณะไม่ควรสูง มีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศเพียงพอกับการลงทุน มีเกินดุลบัญชีเดินสะพัด
เมื่อเศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืน ต้องมีความเสมอภาค ความยากจนต้องหมดไป และการกระจายรายได้ กระทรวงการคลังได้ฉายภาพเศรษฐกิจไทยมีการว่างเงินต่ำเพียง 1% แต่ไทยขาดแคลนแรงงาน เงินเฟ้อปรับตัวลดลงต่ำกว่า 4% แต่เรายังคงมีปัญหาที่สำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจโตต่อไปแต่หนี้สาธารณะไม่เกิน 60% การทำให้จีดีพีโตและลดการก่อหนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
ช่วงโควิดที่ผ่านมาไทยปิดประเทศไม่มีนักท่องเที่ยว ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นเงินตราต่างประเทศติดลบ ในระยะยาวจึงต้องหาทางเพิ่มเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
ข้อดีของประเทศไทย คือจำนวนคนจนละลงเหลือแค่ 7% โดยประมาณ แต่ความเหลื่อมล้ำการกระจายรายได้ยังมีอยู่ เราจึงต้องทำให้ภาคเศรษฐกิจเข้มแข็งขึ้น การท่องเที่ยวชุมชนดีขึ้น ทำอย่างไรไม่ให้คนย้ายถิ่น ระยะสั้นเราต้องคิดว่าจะฟื้นเศรษฐกิจอย่างไร จากตัวเลขปัจจุบันที่เป็นผลของเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนต่อเนื่องจากปัญหาโควิดทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบ
ดังนั้น การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงต้องเพิ่มผลิตภาพ ประสิทธิภาพการเข้าสู่เกษตรมูลค่าสูง การพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมภาคบริการเพื่อให้คนมีงานที่มีมูลค่าสูงขึ้น การส่งเสริมทักษะของทรัพยากรมนุษย์ การเข้าสู่สังคมดิจิทัล และการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ การปรับตัวในสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงการเพิ่มประชากรในประเทศเป็นสิ่งที่จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ประเทศไทยเติบโตต่อไป
ช่วงโควิดที่ผ่านมาไทยปิดประเทศไม่มีนักท่องเที่ยว ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นเงินตราต่างประเทศติดลบ ในระยะยาวจึงต้องหาทางเพิ่มเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
ข้อดีของประเทศไทย คือจำนวนคนจนละลงเหลือแค่ 7% โดยประมาณ แต่ความเหลื่อมล้ำการกระจายรายได้ยังมีอยู่ เราจึงต้องทำให้ภาคเศรษฐกิจเข้มแข็งขึ้น การท่องเที่ยวชุมชนดีขึ้น ทำอย่างไรไม่ให้คนย้ายถิ่น ระยะสั้นเราต้องคิดว่าจะฟื้นเศรษฐกิจอย่างไร จากตัวเลขปัจจุบันที่เป็นผลของเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนต่อเนื่องจากปัญหาโควิดทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบ
ดังนั้น การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงต้องเพิ่มผลิตภาพ ประสิทธิภาพการเข้าสู่เกษตรมูลค่าสูง การพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมภาคบริการเพื่อให้คนมีงานที่มีมูลค่าสูงขึ้น การส่งเสริมทักษะของทรัพยากรมนุษย์ การเข้าสู่สังคมดิจิทัล และการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ การปรับตัวในสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงการเพิ่มประชากรในประเทศเป็นสิ่งที่จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ประเทศไทยเติบโตต่อไป
แนะเร่งปลดล็อก FTA สร้างแรงงานเข้าระบบ
พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ชี้ 2 ประเด็นสำคัญ คือ ‘การค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนาแรงงานไทย’ โดยข้อเสนอแนวทางการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ ประเทศไทยควรเร่งเจรจา FTA ให้มากขึ้น พร้อมทั้งสามารถเปิด FTA กับทุกประเทศ ปลดล็อกปัญหาเพื่อให้ดำเนินการต่อไป โดยปรับตัวเข้าสู่มาตรฐานโลกของการทำ FTA ในอนาคต กรอบการเจรจาทุกจุดต้องเร่งเพราะไทยเสียเปรียบคู่แข่งมากแล้วดังนั้น รัฐบาลหน้าจึงจำเป็นต้องค่อยๆ แกะประเด็นปัญหาแต่ละด้าน แกะแล้วต้องทำให้เกิดขึ้นได้จริง ขอฝากรัฐบาลต้องปลดล็อกให้ได้ โดยเฉพาะกฎระเบียบที่เป็นปัญหา หรือเงื่อนไขต้องปลดล็อกให้เอกชนทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น
สำหรับภาคแรงงานปัจจุบันเรามีคนในภาคแรงงานทั้งหมด 39.34 ล้านคน อยู่ในภาคเกษตร 10.93 ล้านคน ภาคการผลิต 8.93 ล้านคน ภาคบริการ 19.49 ล้านคน มีการว่างงาน 0.49 ล้านคน มีคนเสียขีวิต 5.9 แสนคน เกิด 5 แสนคน ขณะที่อีกปัจจัยสำคัญสังคมที่จะกระทบภาคเศรษฐกิจ คือการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างเต็มตัว จะทำให้คนทำงานมีน้อยลง ดังนั้นในทางแก้ ก็ต้องเร่งเพิ่มประขากรโดยด่วน และผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำงานในระบบให้มากขึ้น โดยมีโจทย์ท้าทายของแรงงานไทย คือการขาดแคลนแรงงานในภาคที่ใช้แรงงานที่เข้มข้น รวมถึงการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน เอกชนยินดีให้แรงงานมีค่าแรงมากขึ้น แต่ค่าแรงของแรงงานไทยปัจจุบัน ก็สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว
เป้าหมายที่เอกชนอยากเห็นในระยะต่อไป คือการอัดฉีดงบประมาณและกำลังคนให้กระทรวงแรงงาน ให้คณะกรรมการไตรภาคีปรับโครงสร้างและบูรณาการการทำงานที่สร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาแรงงานไทย ยกระดับการประกันสังคมเพื่อสิทธิประโยชน์ของแรงงานไทย
“การค้าระหว่างประเทศและแรงงาน เป็นนโยบายของประเทศไม่ใช่นโยบายรัฐ เพราะการค้าระหว่างประเทศเท่ากับ 70-80% ของ GDP ไทย จึงเป็นนโยบายพรรคไม่ได้ ทุกพรรคต้องมองเรื่องนี้เป็นนโยบายของประเทศไทย และกำหนดทิศทางให้เดินต่อไปได้ให้สมบูรณ์แบบ มากกว่าที่ผ่านมา” พจน์ กล่าว
วิกรม ชี้อุตสาหกรรมไฮเทค ไร้มลภาวะ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโตตามทันต่างประเทศ
วิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัทอมตะคอร์เปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เผยถึงการส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้ประเทศไทยเติบโตสู่ระดับโลกว่า จะต้องเน้นไปที่อุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไฮเทค และนวัตกรรมทุกชนิดที่มีมูลค่าสูง และไม่มีมลภาวะ โดยให้สิทธิประโยชน์สูงสุดระดับโลก สร้างเป็น Hub แบบประเทศจีน เพื่อให้มีความพร้อมด้านสาธารณูปโภคระดับสูง และใบอนุญาตส่งเสริมให้ประเทศไทยแข่งขันในต่างประเทศ ให้สิทธิประโยชน์สนับสนุนสูงสุด ให้เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่างประเทศสนับสนุน และสนับสนุนงบประมาณการศึกษาโครงการ เช่นเดียวกับที่ประเทศญี่ปุน และสหรัฐ“FDI (การลงทุนจากต่างประเทศ) คือกลไกขับเคลื่อนสำคัญ ถ้ามีไม่มี FDI ไม่มีเงินลงทุนก็จะไม่มีการเติบโต เงินทุนที่มาลงทุนในประเทศเป็นตัวจักรขับเคลื่อนประเทศ การส่งเสริมภาคการเกษตรเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ประเทศไทยเติบโตได้ สิ่งที่ขับเคลื่อนประเทศคืออุตสาหกรรมและต้องเป็นอุตสาหรกรรมที่เป็นไฮเทค และเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่มีมลภาวะเท่านั้น” วิกรม กล่าว
ขณะที่ ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสยามพิวรรธน์ ตอกย้ำ แนวทางการส่งเสริมภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ว่า ประเทศไทยมี 5 super powers คือ ประเทศไทยมีการวางรากฐานมาอย่างยาวนาน ประเทศไทยเริ่มต้นก่อน เป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวไม่ใช่ผู้ตาม, วัฒนธรรมไทย คือเรื่องราวที่สามารถบอกเล่าได้ตลอดกาลเป็นจุดขายที่ไม่มีวันล้าสมัย, ประเทศไทย ตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคที่กำลังเปิดประเทศ
ดังนั้น จึงขอฝากรัฐบาลใหม่วางกลยุทธเพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวอย่างทวีคูณสู่ความยั่งยืน ทำให้ประเทศไทยเป็น Hub of Art of ASIA ให้ไทยเป็นเจ้าภาพเวทีสร้างสรรค์ และฝีมือในสินค้าศิลปะ สร้างฮับที่ใหญ่ที่สุด ทำให้มี World class Events ในประเทศไทยเป็นงานระดับโลกที่มีนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเดินทางมาร่วมงาน สุดท้ายคือการเป็น Hub of Headquarters สร้างการลงทุนระยะยาวเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในเอเชีย เกิดประโยชน์ระยะยาว
รัฐบาลใหม่ต้องสนับสนุนท่องเที่ยวคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง เอกชนภายใต้ หอการค้าไทยได้พัฒนา Happy Model ในการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวคุณภาพสูงสำหรับ ประเทศไทยในอนาคตได้อย่างยั่งยืน โดย Happy Model จะนำไปสู่การกระจายรายได้ และลด ความเหลื่อมล้ำ สร้างความรักความภูมิใจในท้องถิ่นให้กับชุมชนและเยาวชนรุ่นใหม่
ดังนั้น จึงขอฝากรัฐบาลใหม่วางกลยุทธเพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวอย่างทวีคูณสู่ความยั่งยืน ทำให้ประเทศไทยเป็น Hub of Art of ASIA ให้ไทยเป็นเจ้าภาพเวทีสร้างสรรค์ และฝีมือในสินค้าศิลปะ สร้างฮับที่ใหญ่ที่สุด ทำให้มี World class Events ในประเทศไทยเป็นงานระดับโลกที่มีนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเดินทางมาร่วมงาน สุดท้ายคือการเป็น Hub of Headquarters สร้างการลงทุนระยะยาวเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในเอเชีย เกิดประโยชน์ระยะยาว
รัฐบาลใหม่ต้องสนับสนุนท่องเที่ยวคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง เอกชนภายใต้ หอการค้าไทยได้พัฒนา Happy Model ในการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวคุณภาพสูงสำหรับ ประเทศไทยในอนาคตได้อย่างยั่งยืน โดย Happy Model จะนำไปสู่การกระจายรายได้ และลด ความเหลื่อมล้ำ สร้างความรักความภูมิใจในท้องถิ่นให้กับชุมชนและเยาวชนรุ่นใหม่